แท็บเล็ต แ i-Note



หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ i-Note กันมายาวนาน ก่อนที่ทางไอโมบายจะเปิดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คงย้อนไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ทางแอปเปิลเปิดตัวไอแพด ไอโมบายเป็นแบรนด์หนึ่งที่ให้ข้อมูลว่าพร้อมทำตลาดแท็บเล็ตในประเทศไทย


จนในที่สุดเมื่อระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ สามารถพัฒนาให้เข้ากับตัวเครื่องของ i-Note เรียบร้อยแล้ว ไอโมบาย จึงประกาศเปิดจองและพร้อมวางจำหน่ายในราคา 11,900 บาท ชูจุดเด่นที่เป็นแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถดูทีวีได้

และก็ต้องยอมรับว่าเครือสามารถ เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีคอนเทนต์อยู่ภายใต้บริการเป็นจำนวนมาก เมื่อมีการเปิดตัวแท็บเล็ตที่เป็นอุปกรณ์พกพาเพื่อใช้งานรับข้อมูลข่าวสาร เป็นหลัก จึงทำให้ทีมพัฒนาต้องมีการลงทุนในการทำให้ i-Note สามารถเข้าถึงคอนเทนต์เดิมในกลุ่มสามารถ ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการรับข่าวสาร ช้อมูลหุ้น ราคาทอง น้ำมัน และอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมาก

Feature On i-mobile i-Note



ในหน้าจอหลักของ i-Note ประกอบไปด้วยหน้าต่างทั้งหมด 7 หน้า ที่ให้ผู้ใช้เลือกนำวิดเจ็ตต่างๆ มาใส่ได้ตามความต้องการ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของแอนดรอยด์ แต่ในขณะเดียวกัน ไอโมบาย ได้มีการพัฒนาธีมมาให้ผู้ใช้เลือกตามรูปแบบการใช้งานคือธีมธุรกิจ ที่มีการดึงวิตเจ็ตเกี่ยวกับธุรกิจขึ้นมาไว้รวมกัน ธีมไลฟ์สไตล์ ที่รวบรวมวิตเจ็ตเบาๆ อย่างทำนายดวง กรอบรูปภาพ และสุดท้ายธีมท่องเที่ยว ที่ดึงวิตเจ็ตเด่นของเว็บไซต์ EDTguide มาให้ใช้งานกัน



การที่จะให้ผู้ใช้เข้าถึงแอปพลิเคชันเฉพาะสำหรับทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ของไอโมบาย จึงจำเป็นที่จะต้องมีแอปฯ ที่รวบรวมแอปฯ ที่โดดเด่นและมีความน่าสนใจภายใต้ชื่อ Appcafe ที่ภายในนอกจากจะมีแอปฯ ธุรกิจอย่าง Smart news วิตเจ็ตสำหรับดูอัตราค่าแลกเปลี่ยน ราคาทอง ราคาน้ำมัน และสภาพอากาศแล้ว ยังมีส่วนแนะนำแอปฯภายในแอนดรอยด์มาเก็ตให้ผู้ใช้เข้าไป เลือกโหลดแอปฯที่สนใจอีกด้วย



ไม่ใช่มีเพียงแค่ Appcafe ไอโมบายยังได้มีการใส่ App Explorer ที่เป็นแหล่งรวบรวมแอปฯที่พัฒนาขึ้นบน จาวา และสามารถนำมาใช้งานบนแอนดรอยด์ได้ รวมถึง App Manager ที่มีไว้ช่วยจัดการแอปฯพลิเคชันภายในเครื่อง



ฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของ i-Note คงหนีไม่พ้น ทีวีอนาล็อก ที่รับสัญญาณผ่านเสาอากาศ ที่มีการตั้งช่องให้อัตโนมัติตามสไลต์ของไอโมบาย โดยประกอบไปด้วยช่องมาตรฐาน 3 5 7 MCOT NBT และ ทีวีไทย การเปลี่ยนช่องสามารถทำได้โดยสัมผัสที่หน้าจอ รวมถึงการย่อขยาย เลือกช่อง เพิ่มลดเสียง ส่วนในหน้าจอตั้งค่ามีไว้เพื่อเลือกประเทศ ตั้งให้เล่นอัตโนมัติ และปรับเสียง



วิทยุเอฟเอ็มของ i-Note ไม่จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับสายหูฟัง เนื่องจากตัวเครื่องมีเสาอากาศรับสัญญาณมาให้ รูปแบบการใช้งานเป็นแบบง่ายๆ สามารถเปลี่ยนคลื่นโดยลากแถบสีเขียวล่างสุดไปตรงคลื่นที่ต้องการ โดยจะมีแถบแสดงคุณภาพสัญญาณอยู่กลางหน้าจอ สามารถบันทึกคลื่นที่ต้องการได้ สั่งปิดเสียง และเลือกคลื่นที่บันทึกไว้ได้จากปุ่มควบคุม



ถัดมาเป็นแอปฯที่น่าสนใจสำหรับคนเล่นหุ้นด้วย Stock Streaming ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกดูหุ้นตัวที่เล่นอยู่ ดูภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ล่าสุด รวมถึงแบ่งแยกตามอุตสาหกรรม และยังสามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอของตนเอง เข้าไปดูข่าวจากฟีดข่าว แน่นอนว่าในการใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงระดับ หนึ่ง และทำได้เพียงดูข้อมูลเท่านั้น ยังไม่สามารถล็อกอินเข้าไปแลกเปลี่ยนได้



ภายในแอปฯ Smart News ใช้รูปแบบการดึงข่าวที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ข่าวหลายๆแห่ง ให้ผู้ใช้ได้เข้าไปเลือกอ่าน ซึ่งเมื่อกดเข้าไปในข่าว ตัวแอปฯจะลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์ปกติ ไม่ได้ดึงข้อมูลมาแสดงภายในตัวแอปฯ ขณะเดียวกันยังสามารถเลือกประเภทข่าวที่สนใจได้



แอปฯทำนายดวงจาก Horoworld ก็ถูกดึงมาไว้ให้ใช้งานกันภายใน i-Note โดยแบ่ง ประเภทการดูออกเป็น ฤกษ์ดี ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ฤกษ์ออกรถ ฤกษ์คลอดบุตร ดูดวงประจำวัน จากวันเดือนปีเกิด ดูราศีที่ชงกัน ที่น่าสนใจคือตัวแอปฯ ออกแบบมาให้สามารถแชร์ข้อมูลไปยังเครือข่ายสังคมอย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ได้ทันที



EDTguide ที่ i-Note นำมาเป็นบริการค้นหาสถานที่ท่องเทียว ส่วนใหญ่จะใช้การดึงข้อมูลมาจากหน้าเว็บไซต์ แบ่งประเภท กิน ดื่ม เที่ยว และยังเข้าไปดูรีวิว แคมแปญพิเศษได้จากภายในแอปฯ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแอปฯที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหาที่กิน ดื่ม เที่ยว ในสถานที่ใกล้ๆได้ง่ายขึ้น



ถ้าต้องการดูสภาพอากาศ หรืออ่านข่าวต่างประเทศ ผู้ใช้สามารถเข้าไปในแอปฯที่มากับเครื่องอย่าง News & Weather เพื่อตรวจสอบสภาพอากาศ รวมถึงอ่านข่าวที่น่าสนใจจากต่างประเทศ ซึ่งใครที่เคยใช้แอนดรอยด์คงมีความคุ้นเคยกับแอปฯนี้กันอยู่แล้วในระดับ หนึ่ง



แน่นอนว่าตัว i-Note ที่สามารถใส่ซิมการ์ดได้นั้น ช่วยให้สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้ด้วย โหมดการใช้งานโทรศัพท์มีระบบเดาหมายเลขจากรายชื่อผ่านตัวอักษรหรือตัวเลขที่ กดช่วยให้สามารถใช้โทร.ได้รวดเร็วขึ้น ปุ่มตัวเลขเมื่อเทียบกับขนาดจอของแท็บเล็ตนั้นเรียกว่าใหญ่ชัดเจน ไม่ต้องกังวลกดผิดกันเลยทีเดียว

แต่ในการใช้งานโทรศัพท์ ผู้ใช้หลายๆรายคงไม่อยากนำแท็บเล็ตขึ้นมาแนบกับหูแน่ๆ เพราะนอกจากจะเป็นจุดเด่นแล้ว คนเห็นหลายๆคนคงนึกว่ามีอาการโรคจิตกันได้ ทางแก้คงอยู่ที่หาหูฟังมาเสียบใช้ หรือไม่ก็ใช้การเชื่อมต่อบลูทูธในการใช้งานโทรศัพท์แทน



เว็บเบราว์เซอร์สามารถแสดงผลแฟลชได้ ความเร็วในการแสดงผลอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากสเปกของตัวเครือง i-Note นั้นไม่ได้สูงมากนัก แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ สามารถใช้มัลติทัชในการซูมเข้า-ออก หรือกดจากปุ่ม ทั้งนี้การใช้งานถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.2



ในโหมดกล้องเนื่องจากตัวเครื่องมีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ทำให้สามารถเข้าไปเลือกตัวกล้องที่ใช้ รวมถึงปรับแต่งได้ตามรูปแบบมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นค่าสมดุลแสง อุณหภูมิแสง ระบบโฟกัส สามารถเลือกให้บันทึกพิกัดลงไปในรูปถ่ายหรือไม่ โดยมีปุ่มชัตเตอร์อยู่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ ส่วนในโหมดถ่ายวิดีโอ มีความละเอียดให้เลือกคือ สูง ต่ำ ข้อความมัลติมีเดีย และวิดีโอสำหรับอัปโหลดขึ้นยูทูบ



เมนูรวมทั้งหมดที่ให้มากับตัวเครื่อง ผู้ใช้สามารถเข้าไปใน App Cafe เพื่อดูแอปฯแนะนำตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หรือดาวน์โหลดแอปฯเพิ่มผ่านแอนดรอยด์มาเก็ตได้ทันที ทั้งนี้แอปฯที่ให้มาในเครื่องส่วนใหญ่จะเป็นแอปฯพื้นฐานที่มีกันอยู่แล้วใน แอนดรอยด์ทุกๆ เครื่อง



หน้าจอการตั้งค่ามีการใส่สีให้ดูแล้วสดใสหน้าสนใจมากขึ้น โดยยังแบ่งการตั้งค่าออกเป็น การเชื่อมต่อ โทรศัพท์ เสียง การแสดงผล ความปลอดภัย แอปพลิเคชัน บัญชีผู้ใช้และการซิงค์ข้อมูล หน่วยความจำ ภาษา การสั่งงานผ่านเสียง ตั้งวันเวลา และดูข้อมูลของตัวเครื่อง



โดยตัว i-Note มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.2.2 ที่รู้กันว่ามีความสามารถในการส่งสัญญาณการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปยัง อุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ รวมถึงความสามารถในการลงแอปพลิเคชันในหน่วยความจำ และปรับแต่งระบบภายในให้มีความรวดเร็วขึ้นจากรุ่นเดิม ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดทำขึ้นมาสำหรับสมาร์ทโฟน



ส่วนของหน่วยประมวลผลที่ใช้ภายใน i-Note เป็น Marvell PXA 955 ความเร็ว 800 MHz ซึ่งน่าจะมีการนำสถาปัตยกรรมจาก ARMv7 เข้ามาใช้ภายในจึงทำให้โปรแกรมแสดงผลตามรูป ส่วน ROM / RAM ที่ให้มามีขนาด 512 MB สามารถรองรับการสัมผัสแบบมัลติทัชได้ 2 จุด



ผลการทดสอบประสิทธิภาพบนโปรแกรม Quadrant พบว่า i-Note สามารถทำคะแนนได้ 694 คะแนนเท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับ Galaxy Tab ของซัมซุงที่เพิ่งมีการปรับราคาลงมาอยู่ในช่วงใกล้เคียงกัน ขณะที่การทดสอบบน An3DBench และ An3DBenchXL อยู่ที่ 4494 และ 8232 ส่วน Neocore ได้เฟรมเรทอยู่ที่ 30.1 FPS

Design of i-mobile i-Note



ดีไซน์ของแท็บเล็ตในตระกูลแอนดรอยด์รวมถึง i-Note เรียกว่ายังไม่มีความแปลกใหม่ล้ำหน้าใดๆ เน้นความใหญ่ของหน้าจอกับน้ำหนักในการถือใช้งานที่ไม่หนักจนเกินไป ตัววัสดุที่ใช้เป็นพลาสติกคุณภาพสูงทำ การประกอบของตัวเครื่องอยู่ในระดับมาตรฐานของไอโมบายตัวเครื่องมีขนาดรอบตัว อยู่ที่ 192.4 x 125 x 14 มิลลิเมตร น้ำหนัก 470 กรัม

ด้านหน้า - ประกอบไปด้วยหน้าจอสัมผัสแบบ Capacitive ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด WVGA (800 x 480 พิกเซล) 16 ล้านสี มีกล้องหน้าความละเอียด VGA และเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงอยู่บริเวณมุมขวาบนหน้าจอ ส่วนล่างหน้าจอประกอบไปด้วยปุ่มควบคุม ไล่ตั้งแต่ เมนู ค้นหา หน้าแรก และ ย้อนกลับ ซึ่งต้องยอมรับว่าความที่ทางกูเกิลไม่ได้กำหนดมาตรฐานของปุ่มมา ทำให้เครื่องที่ใช้แอนดรอยด์แต่ละเครื่องมีการจัดวางปุ่มที่ไม่เหมือนกัน ส่งผลให้ในการใช้งานอาจเกิดความสับสนได้



ด้านหลัง - ถูกดีไซน์ให้เรียบๆ มีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล อยู่กึ่งกลางบน สกรีนตัวอักษรระบุยี่ห้อ "i-mobile" และลำโพงสนทนาอยู่กึ่งกลางค่อนลงมาส่วนล่าง เมื่อเปิดฝาหลังออกมาจะพบกับช่องใส่แบตเตอรีความจุ 3,800 mAh ช่องใส่ซิมการ์ด และช่องเสียบไมโครเอสดีแบบที่สามารถถอดได้โดยไม่จำเป็นต้องปิดเครื่อง




ด้านบน - มีปุ่มเปิดเครื่อง และช่องเสียบสายไมโครยูเอสบี สำหรับชาร์จและเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และมีเสาอากาศที่ใช้ในการรับชมโทรทัศน์และฟังวิทยุซ่อนอยู่บริเวณขอบฝั่ง ขวา ด้านขวา - มีเพียง ปุ่มปรับระดับเสียงเท่านั้น ด้านล่าง - เป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ขณะที่ด้านซ้ายถูกปล่อยว่างไว้

บทสรุป

หลังจากได้ใช้งาน i-Note มาระยะเวลาหนึ่ง สิ่งที่รู้สึกได้เลยคือตัวเครื่องรองรับความสามารถของแอนดรอยด์ค่อนข้างครบ แต่เนื่องจากความที่ยังเป็นแอนดรอยด์เวอร์ชัน 2.2 ทำให้การใช้งานยังไม่ค่อนลื่นไหลเท่าที่ควร แม้ว่าสเปกจะคล้ายคลึงกับ Galaxy Tab ที่มีความสามารถใช้งานใกล้เคียงกัน

ความสามารถในการรับชมทีวีอนาล็อก จึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ i-Note มีความโดดเด่นมากกว่าคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ แต่อย่างที่รู้กันว่าคุณภาพของทีวียังขึ้นอยู่กับสถานที่ในการรับสัญญาณทำ ให้ความคมชัดไม่มากเท่าที่ควร

ตัวเครื่อง i-Note รองรับการใช้งาน 3G บนคลื่นความถี่ 900/2100 MHz ความเร็วดาวน์โหลดอัปโหลดสูงสุดที่ 7.2/5.76 Mbps รวมกับความสามารถในการเชื่อมต่อไวไฟ บลูทูธ จีพีเอส วิทยุเอฟเอ็มแบบไม่ต้องพึ่งหูฟัง (ใช้เสาอากาศเดียวกับโทรทัศน์) ถือว่าให้มาค่อนข้างครบ

ในแง่ของการใช้งานทั่วไป แท็บเล็ตยังมีข้อจำกัดในการใช้งานค่อนข้างเยอะ แต่ด้วยความที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับข้อมูลข่าวสาร การนำคอนเทนต์ต่างๆ ในเครือสามารถเข้ามาผนวกกับแอปฯที่พัฒนาขึ้น จึงช่วยให้ i-Note เหมาะกับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและนักธุรกิจ

ทั้งนี้ตัวเครื่องที่ได้มาทดสอบยังใช้ซอฟต์แวร์รุ่นที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อวางจำหน่าย แต่ในส่วนของฮาร์ดแวร์เชื่อว่าน่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยราคาเปิดตัวของ i-Note อยู่ที่ 11,900 บาท

ขอชม
- แท็บเล็ต แอนดรอยด์ ขนาด 7 นิ้ว ดูทีวีได้
- ดึงคอนเทนต์ในกลุ่มสามารถฯ มาให้บริการผู้ใช้ รวมถึงดูหุ้น
- โทรศัพท์ได้ มีกล้องหน้า และเป็นไวไฟ ฮอตสปอตได้จากความสามารถของ 2.2

ขอติ
- ออกมาวางจำหน่ายช้าเกินไป เนื่องจากแท็บเล็ตรายอื่นลดราคามาใกล้เคียงกันในประสิทธิภาพที่สูงกว่า
- ไม่มีความชัดเจนในด้านการพัฒนาเฟิร์มแวร์ว่าจะสามารถใช้ แอนดรอยด์ 3.0 ในอนาคตได้หรือไม่
- โทรทัศน์ที่รับชมไม่คมชัดเท่าในโทรศัพท์ อาจเกิดจากความละเอียดหน้าจอที่สูงขึ้น


ที่มา http://siamtablet.com