10 ข้อแนะนำ การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ tablet

คอมพิวเตอร์ tablet เป็นเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ที่ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการพกพาคอมพิวเตอร์ไปใช้นอกสถานที่ นอกบ้าน นอกที่ทำงาน แต่ไม่อยากพกเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา laptop อย่าง netbook หรือ notebook และก็อยากได้เครื่องที่ทำงานได้มากกว่ามือถืออัจจริยะ ที่เรียกว่า smartmobile


คอมพิวเตอร์ tablet เป็นเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ที่ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการพกพาคอมพิวเตอร์ไปใช้นอกสถานที่ นอกบ้าน นอกที่ทำงาน แต่ไม่อยากพกเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา laptop อย่าง netbook หรือ notebook และก็อยากได้เครื่องที่ทำงานได้มากกว่ามือถืออัจจริยะ ที่เรียกว่า smartmobile
ปัจจุบันนี้ คอมพิวเตอร์ tablet ที่มาแรงฉุดไม่อยู่ ก็น่าจะเป็นเครื่อง iPad จากค่าย Apple แต่ไม่นานนี้ tablet จากค่ายต่างๆ จะทยอยออกมา ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Tab จากค่าย Samsung, หรือ PlayBook จากค่าย RIM BlackBerry, หรือ Slate 500 จากค่าย HP, เป็นต้น ซึ่งทำให้หลายคนสัปสนว่า ตกลงจะเลือกคอมพิวเตอร์ tablet จากค่ายไหนดีกว่ากัน
# มีข้อเสนอแนะ สัก 10 ประการ ในการจะเลือกซื้อคอมพิวเตอร์พกพาที่เรียกว่า tablet #

ประการที่ 1 – ชอบขนาดใหญ่ แค่ไหน ?
แน่นอน ทุกคนต้องการคอมพิวเตอร์ tablet ที่มีขนาดบาง เบา และสะดวกในการพกพาไปที่ต่างๆ แต่ว่าขนาดที่แต่ละคนชอบจะไม่เหมือนกัน
เครื่อง Apple iPad นั้น มีขนาดหน้าจอประมาณ 9.56 นิ้ว (ง่ายๆ ก็เล็กกว่าไม้บรรทัด 1 ฟุตมาสัก 2 นิ้ว) เทียบกับหน้าจอ netbook หรือ notebook ขนาดเล็ก ก็ 11 นิ้วกว่า, น้ำหนักเครื่อง iPad ประมาณ 725 กรัม ( 7 ขีดกว่าๆ)
เครื่อง Samsung Galaxy Tab มีขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว, น้ำหนักน้อยกว่า ครึ่งกิโล ก็เหมาะหากต้องถือ และพกไปไหนมาไหนทั้งวัน (แต่ประเด็นนี้ Steve Jobs ไม่เห็นด้วย)
บางยี่ห้อ อย่าง Asus มีข่าวว่า จะออกเครื่อง tablet ที่มีขนาดใหญ่ไปเลย คือ 12 นิ้ว และ 8.9 นิ้ว
ยังมีเครื่อง Dell Streak ที่มีขนาด 5 นิ้ว ซึ่งบางคนก็สงสัยว่า มันจะเป็น tablet หรือจะเป็นมือถือ กันแน่
ส่วนเครื่อง tablet ที่ใช้ Windows 7 เช่นของ HP Slate 500 ดูเหมือนว่า จะมีน้ำหนักมากกว่าเมื่อเทียบกับเครื่อง iPad แต่ก็มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ให้เลือกใช้ได้มากมาย
โดยสรุป คงไม่มีเครื่องไหนที่เหมาะกับทุกคน เครื่องที่ใหญ่เหมาะกับคนหนึ่ง อาจจะไม่เหมาะกับอีกคนก็ได้ ดังนั้น อยากให้เราลองไปถือ ไปเล่น ไปแบกดู ว่าอันไหนเหมาะกับมือของเรา และการพกพาของเรา แล้วถามเราเองว่า ใหญ่แค่ไหนถึงจะเหมาะกับเราที่สุด


ประการที่ 2 – ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูล แค่ไหน ?
เครื่อง iPad มาพร้อมกับพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 16, 32 และ 64 GB และปัญหาอย่างหนึ่งก็คือว่า เราไม่สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง iPad ได้เว้นแต่จะซื้อเครื่องใหม่
ถ้าเราเป็นคนที่ชอบเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล (ไม่ว่าเช่น ต้องการเก็บเพลงเพิ่ม, เก็บหนังเพิ่ม, เก็บไฟล์รูปเพิ่ม, เก็บวิดีโอเพิ่ม, และอื่นๆ) เราคงต้องมองหา tablet ที่สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายนอกได้ เช่น tablet ที่มีช่องเสียบการ์ด SD หรือ microSD ซึ่ง tablet ที่เป็น Android หรือ Windows 7 มักจะทำได้
เครื่อง Samsung Galaxy Tab มาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 16 และ 32 GB แต่มีช่องเสียบการ์ด microSD, เครื่อง tablet Windows 7 อย่าง bModo มาพร้อมพอร์ต dual USB ทำให้เสียบ external hard disk ได้, หรือ tablet Windows 7 อย่าง CTL มาพร้อม hard disk ขนาด 250 GB
พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องก็สำคัญ และเป็นตัวกำหนดว่า เราสามารถติดตั้งโปรแกรมใช้งานในเครื่องได้มากน้อยแค่ไหน
ดังนั้น ต้องถามว่า เราชอบโหลดอะไรต่อมิอะไรมาเก็บไว้ที่เครื่องมากน้อยแค่ไหน ทั้งโปรแกรม และข้อมูลต่างๆ

ประการที่ 3 – อยากได้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานแค่ไหน ?
จุดแข็งอย่างหนึ่งของเครื่อง Apple iPad ก็คือ แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนาน 10 ถึง 12 ชั่วโมง
ส่วน Samsung Galaxy Tab บอกว่าสามารถเล่นวิดีโอได้ประมาณ 7 ชั่วโมง หรือถึง 10 ชั่วโมง หากไม่ได้ทำงานอะไรมาก
ส่วน tablet ที่เป็น Windows 7 แบตเตอรี่มักจะใช้งานได้ไม่กี่ชั่วโมง อย่าง CTL tablet ที่ใช้ Windows 7 บอกว่า ใช้งานได้ถึง 5 ชั่วโมง แต่จากการทดสอบเล่นวิดีโอได้สัก 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็หมดแล้ว
ดังนั้น หากเราต้องการ tablet ที่มีแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวๆ หลายชั่วโมงแล้วล่ะก็ คงต้องพิจารณา Apple iPad หรืออย่างน้อยก็ tablet ที่เป็น Android


ประการที่ 4 – ต้องการรองรับ 3G หรือแค่ Wi-Fi ก็พอ ?
บางคนต้องการเล่นอินเตอร์เน๊ตได้ทุกที่ ไม่ว่าไปที่ไหนก็ตาม แบบนี้ก็คงต้องพิ่งอินเตอร์เน๊ต ที่มาทาง Sim card มือถือ ที่เป็น 3G แล้วล่ะ
แต่บางคนบอกว่า ไม่ได้ไปไหน ใช้ในที่ทำงานเป็นหลัก ที่ทำงานมี wireless อยู่แล้ว กลับบ้านก็มี wireless อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้น รุ่นเป็น Wi-Fi ก็เพียงพอ (ประหยัดเงินด้วย)
แน่นอน รุ่นที่รองรับ 3G ก็ยืดหยุ่นกว่า เพราะใช้แบบ Wi-Fi ก็ได้  แต่ต้องไม่ลืมว่า เราจะมีค่าใช้จ่ายการใช้อินเตอร์เน๊ตผ่านมือถือเพิ่มมาด้วย
ดังนั้น ขอให้คิดให้ดีๆ ว่าเราต้องการใช้อินเตอร์เน๊ตที่ไหน ต้องการ 3G หรือต้องการแค่ Wi-Fi ก็พอ

ประการที่ 5 – ชอบระบบที่เปิด หรือระบบที่ปิด ?
บางคนชอบระบบเปิด อย่างเช่น Android หรือ Windows ซึ่ง เปิดให้เราดัดแปลงเครื่องเราอย่างไงก็ได้, จะหาโปรแกรมอะไรมาใช้งานในเครื่องก็ได้ ไม่ต้องรอให้ใครอนุมัติ, จะตั้งค่าเครื่องของเราอย่างไรก็ได้
แต่บางคนชอบระบบปิด เช่น Apple iPad อย่างแบบธุรกิจที่นำเครื่อง iPad ไปใช้ เพราะต้องการควบคุมการแสดงผลหน้าจอ และการใช้งาน ให้เป็นแบบที่ต้องการ ไม่ให้ปรับเปลี่ยนใดๆ
ดังนั้น เราก็คงต้องพิจารณาดูว่า เราชอบระบบที่เปิด หรือต้องการระบบที่ปิด


ประการที่ 6 – ชอบคีย์ข้อมูล หรือชอบอ่าน เป็นหลัก ?
เครื่อง iPad น่าจะเหมาะกับการอ่าน ไม่ใช่การเขียน, เหมาะกับการอ่านข่าว อ่านข้อมูลต่างๆ แต่คีย์บอร์ดที่อยู่บนหน้าจอ ไม่น่าจะเหมาะกับการพิมพ์งาน เขียนงาน เอกสารไฟล์ยาวๆ แต่ก็มีคีย์บอร์ดแยกขาย
ส่วน tablet ที่เป็น Android และ Windows มักจะมีพอร์ต USB มาให้ ทำให้เราสามารถเสียบคีย์บอร์ด USB ทั่วไป ใช้ทำงานได้ทันที
ด้านการสั่งงานด้วยเสียงนั้น เครื่อง iPad ไม่สามารถทำได้ เว้นแต่คุณจะ jailbreak เครื่องซึ่งก็จะหมดประกัน
ส่วน tablet ที่เป็น Android และ Windows สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อยู่แล้ว รวมทั้งไมโครโฟน ที่มีมาพร้อม
ดังนั้น ก็คงต้องดูว่า ปกติเราชอบใช้งานแบบไหนมากกว่ากัน ถ้าชอบคีย์บอร์ดเป็นชีวิตจิตใจ ท่าทาง netbook อาจจะเหมาะกว่าก็ได้นะ

ประการที่ 7 – มีงบประมาณ แค่ไหน ?
เครื่อง iPad นั้นมีราคาตั้งแต่ 499 เหรียญสหรัฐ (14,7xx บาท) ในรุ่น WiFi 16GB ถึง ราคา 829 เหรียญสหรัฐ (24,5xx บาท) ในรุ่น 3G 64GB ซึ่งก็พอๆ กับ netbook ดีๆ สักเครื่องหนึ่ง
ส่วน Samsung Galaxy Tab ราคาที่ Verizon 600 เหรียญสหรัฐ (17,7xx บาท) ในรุ่น 3G 16GB พร้อมช่องเสียบ microSD
ส่วน Windows 7 CTL tablet ราคา 549 เหรียญสหรัฐ (16,2xx บาท) พร้อม Windows 7 Home Premium
ถ้ามีงบประมาณจำกัด ก่อนซื้อ ก็อาจจะต้องคิดเยอะๆ สักหน่อยนะ


ประการที่ 8 – อยากได้กล้องถ่ายรูปหรือเปล่า ?
จุดหนึ่งที่เครื่อง iPad ไม่มี ก็คือ กล้องถ่ายรูป, ถึงแม้ว่า ตัวเครื่อง iPad จะใหญ่พอจะใส่กล้องถ่ายรูปได้สบายๆ หรือใช้ทำงาน video conference ได้ แต่ iPad ก็ยังไม่มีกล้องถ่ายรูปไว้ใช้งาน
ส่วน Samsung Galaxy Tab นั้นมาพร้อมกล้องถ่ายรูปถึง 2 อัน ด้านหน้าขนาด 1.3 MP และด้านหลังขนาด 3 MP พร้อมไฟ flash
ส่วน Windows 7 CTL tablet มีเฉพาะกล้องถ่ายรูปด้านหน้าขนาด 1.3 MP แต่ไม่มีกล้องด้านหลัง
ชอบการถ่ายรูปไหม หรือว่าไม่ต้องการ เพราะใช้มือถืออยู่แล้ว ก็ลองพิจารณาดู หรืออยากได้กล้องไว้รองรับ video chat ก็ต้องลองดูเครื่องที่มีกล้องนะ

ประการที่ 9 – ต้องการใช้งานโปรแกรมอะไรบ้าง ?
ในเรื่องโปรแกรมใช้งาน หรือ app นั้น ค่าย Apple มีโปรแกรมให้เลือกใช้งานมากที่สุด ประมาณ 3 แสนโปรแกรม แต่ส่วนมากใช้บน iPhone มากกว่า iPad
ส่วนค่าย Android มีโปรแกรมให้เลือกใช้งานตามมาเป็นอันดับ 2 น่าจะถึงหลักแสนไปไม่นานนี้ และก็เป็นโปรแกรมใช้งานบนมือถือส่วนใหญ่ เช่นเดียวกัน
สำหรับค่าย Windows tablet นั้น น่าจะเอาโปรแกรมบน Windows ปกติ ไปใช้บน tablet ได้เหมือนกัน
ดังนั้น การจะเลือกซื้อ tablet คงต้องดูโปรแกรมที่เราจะใช้งานเป็นหลักว่า ตอบสนองความต้องการของเราด้วยหรือเปล่า

ประการที่ 10 – จะใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ไหม หรือใช้แยกกัน ?
สำหรับหลายคนแล้ว การใช้งานเครื่อง tablet ไม่ได้อยู่ในสูญญากาศ แต่ต้องใช้งานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน อาจจะมีน้อยคนที่สามารถใช้งานหลายๆ platform ได้ แต่ก็เป็นส่วนน้อย
เช่น หากเราใช้เครื่อง Mac ใช้มือถือ iPhone อยู่ เราก็ควรใช้เครื่อง iPad แน่นอน, หรือหากเราใช้ Linux ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ใช้มือถือ Droid อยู่ เราก็ควรเลือกใช้ tablet ที่เป็น Android ดูจะเข้ากันกว่า, หรือเราไม่เคยใช้อะไรอย่างอื่นเลย นอกจาก Windows เราก็อาจจะคุ้นเคยกับ tablet ที่เป็น Windows แน่นอน
แล้วถ้าเราใช้ tablet เล่นอินเตอร์ผ่านเครือข่ายมือถือ 3G เราก็ต้องดูว่า tablet นั้นๆ รองรับเครือข่ายมือถือไหนบ้าง GSM หรือ CDMA หรือ MiFi
โดยสรุป
คงไม่มีเครื่องไหน รุ่นไหน ที่ตอบความต้องการของทุกคนได้เหมือนกันหมด ดังนั้นเราคงต้องตอบคำถามบางอย่าง ก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่อง tablet มาใช้งานสักเครื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ขนาด, การเชื่อมต่อ, พื้นที่เก็บข้อมูล, หน่วยความจำ, ฟังก์ชั่นการใช้งาน, โปรแกรมใช้งาน, ระบบปฏิบัติการ, หรือ ราคา
ก็คงต้องดูว่าเครื่อง tablet แบบไหน รุ่นไหน ที่เหมาะกับ สไตล์ของคุณ วิถีชีวิตประจำวันของคุณ การใช้งานประจำวัน หรืองบประมาณของคุณ
.. ก็ขอให้คุณได้คอมพิวเตอร์ tablet ที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณนะ






ที่มา 7boot